เส้นโลหิตของเมืองอุดร ที่กำลังรอการแก้ไข เชื่อมโยงกับแม่น้ำโขง ผ่านคลองหลวง ไปคลองอิฐ ถึงจุดแยกกันที่บ้านดอนหวาย คดเคี้ยวไหลไปในเขตหนองคาย ปลายทางที่อ่างเก็บน้ำบ้านจั่น อุดรธานี ซึ่งยังเป็นเรื่องท้าทาย สำหรับการบริหารจัดการให้เป็นคลองสวยน้ำใส
คลองหมากแข้ง หรือห้วยหมากแข้ง ลำห้วยธรรมชาติที่เปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่หล่อเลี้ยงเทศบาลนครอุดรธานี กำลังอยู่ระหว่างการพลิกโฉมครั้งสำคัญ จากอดีตที่เคยเผชิญปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากและมลภาวะ สู่การเป็นต้นแบบของการบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของชาวเมืองและเสริมสร้างศักยภาพการเป็น “เมืองน่าอยู่” และแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของภาคอีสาน.
จากประวัติศาสตร์สู่ความท้าทายของเมืองที่เติบโต
คลองหมากแข้งมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์อย่างลึกซึ้งต่อการก่อตั้งจังหวัดอุดรธานี โดยมีต้นกำเนิดจากหมู่บ้านเดื่อหมากแข้ง ซึ่งเป็นจุดที่พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม ทรงเลือกเป็นที่ตั้งหน่วยทหารและพัฒนาเป็นเมืองอุดรธานีในปัจจุบัน. เดิมทีลำห้วยแห่งนี้เป็นแหล่งน้ำธรรมชาติที่เกื้อหนุนการตั้งถิ่นฐาน แต่การขยายตัวของเมืองอย่างรวดเร็วและขาดการวางแผนที่ครอบคลุม ได้สร้างแรงกดดันมหาศาลต่อระบบนิเวศและโครงสร้างการระบายน้ำ.
ลำห้วยความยาวประมาณ 10 กิโลเมตรนี้ มีส่วนสำคัญ 1.7 กิโลเมตรที่ไหลผ่านใจกลางเทศบาลนครอุดรธานี . น้ำฝนส่วนใหญ่จากพื้นที่ชุมชนเมืองจะไหลลงสู่คลองหมากแข้ง. จุดเริ่มต้นของคลองอยู่ทางทิศใต้ของเทศบาลนครอุดรธานี และมีทิศทางการไหลมุ่งหน้าไปทางทิศเหนือ. ตลอดเส้นทาง คลองหมากแข้งไหลผ่านพื้นที่สำคัญอย่างตำบลหมากแข้ง ซึ่งเป็นที่ตั้งของศูนย์ราชการจังหวัด .
ปลายทางของคลองหมากแข้งมีความซับซ้อน โดยน้ำจะไหลลงบรรจบกับลำห้วยสำคัญอื่น ๆ เช่น ลำห้วยมั่ง และลำห้วยดาน. จุดรวมลำน้ำหลักของสามสายนี้คือที่ลำห้วยอิฐ ในเขตเทศบาลเมืองหนองสำโรง อำเภอเมืองอุดรธานี . หลังจากนั้น น้ำจากคลองหมากแข้งจะไหลลงสู่ลำห้วยหลวง ซึ่งเป็นหนึ่งในเก้าลำห้วยหลักของจังหวัดอุดรธานี และเป็นส่วนหนึ่งของลุ่มน้ำสำคัญที่ได้รับการบริหารจัดการโดยกรมชลประทาน. ท้ายที่สุด น้ำจากลำห้วยหลวงจะไหลลงสู่เขื่อนห้วยหลวง ซึ่งตั้งอยู่ในอำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย ทำหน้าที่เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่เพื่อกักเก็บและระบายน้ำบรรเทาอุทกภัยในภาพรวม.
ความท้าทายคู่ขนาน: น้ำท่วมและมลภาวะ
แม้จะเป็นเส้นเลือดหลัก แต่คลองหมากแข้งก็เผชิญกับปัญหาเรื้อรังที่คุกคามเมืองอุดรธานีมานานหลายปี ปัญหาน้ำท่วมขังเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนที่มีปริมาณน้ำฝนสูง . แม้จะมีการก่อสร้างลำรางคอนกรีตเสริมเหล็ก (คสล.) เพื่อรวบรวมและระบายน้ำ แต่การขยายตัวของชุมชนอย่างรวดเร็วทำให้ลำรางไม่สามารถระบายน้ำปริมาณมากได้อย่างมีประสิทธิภาพ . นอกจากนี้ คลองยังมีสภาพตื้นเขินจากตะกอนและสิ่งกีดขวาง ทำให้น้ำไหลไม่สะดวก.
ปัญหาการระบายน้ำยังซับซ้อนยิ่งขึ้นเมื่อพิจารณาถึงการเชื่อมโยงกับพื้นที่ต่อเนื่อง เช่น เทศบาลหนองสำโรง ที่รับน้ำจากห้วยดานซึ่งเชื่อมกับห้วยหมากแข้ง. สิ่งกีดขวางทางน้ำ เช่น ท่อระบายน้ำเสียที่สร้างขึ้นภายหลัง และการปรับปรุงคลองผันน้ำเป็นคลองดาดโดยกรมทางหลวงที่ไม่ได้บูรณาการแผนงานกับเทศบาล ทำให้การระบายน้ำของชุมชนไม่เชื่อมต่อและเกิดน้ำท่วมขัง . ยิ่งไปกว่านั้น หากลำห้วยหลวง ซึ่งเป็นปลายทางหลัก เกิดน้ำท่วมขังหรือระบายได้ไม่ดี เช่น บริเวณประตูระบายน้ำสามพร้าว จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อการระบายน้ำจากห้วยดาน ทำให้เกิดน้ำท่วมขังในเทศบาลหนองสำโรงเป็นเวลานาน .
นอกเหนือจากปัญหาน้ำท่วมแล้ว คลองหมากแข้งยังประสบปัญหามลภาวะทางน้ำอย่างรุนแรง น้ำเน่าเสีย ขยะ และสิ่งปฏิกูลจากชุมชนเมืองไหลลงสู่คลองโดยตรงโดยไม่ผ่านการบำบัดที่เพียงพอ . ปัญหานี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในคลองหมากแข้ง แต่ยังส่งผลกระทบต่อคุณภาพน้ำในลำห้วยหลวง ซึ่งเป็นลำน้ำหลักของจังหวัด . แม้จะมีองค์การจัดการน้ำเสีย (อจน.) เข้ามาบริหารจัดการระบบบำบัดน้ำเสียในเทศบาลนครอุดรธานี แต่ปัญหาคุณภาพน้ำที่ยังคงอยู่ชี้ให้เห็นว่าระบบอาจยังไม่ครอบคลุมหรือมีข้อจำกัดในการจัดการปริมาณน้ำเสียที่เพิ่มขึ้น .
พลิกโฉมด้วยโครงการบูรณาการ: จากคลองระบายน้ำสู่พื้นที่แห่งชีวิต
เพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ จังหวัดอุดรธานีได้ริเริ่มโครงการและแผนงานที่สำคัญหลายโครงการ โดยมีเป้าหมายที่จะเปลี่ยนคลองหมากแข้งให้เป็นมากกว่าแค่ช่องทางระบายน้ำ
1. โครงการก่อสร้างระบบระบายน้ำและปรับปรุงภูมิทัศน์ห้วยหมากแข้ง:
โครงการนี้เป็นหัวใจสำคัญในการพลิกโฉมคลองหมากแข้ง มีเป้าหมายหลักสามประการ: พัฒนาอุดรธานีให้เป็นเมืองน่าอยู่และแหล่งท่องเที่ยว, ปรับปรุงภูมิทัศน์ริมคลองเพื่อสร้างพื้นที่สาธารณะ, และเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ . กรมโยธาธิการและผังเมืองเป็นหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบ โดยมีบริษัท อาร์มมี่ เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ เอ็นไวโรนเมนต์ จำกัด เป็นผู้ออกแบบ และบริษัท เอสซีจี 1995 จำกัด เป็นผู้ก่อสร้าง . โครงการมีระยะเวลา 780 วัน เริ่มตั้งแต่ 3 ธันวาคม 2564 และมีงบประมาณต่อเนื่องถึงปี 2567 .
ขอบเขตงานครอบคลุมทั้งงานบรรเทาปัญหาน้ำท่วม เช่น การก่อสร้างรางระบายน้ำและประตูระบายน้ำ , และงานปรับปรุงภูมิทัศน์ เช่น การสร้างทางเดินเท้า ลานกิจกรรม และลานจำหน่ายสินค้า . มีการปรับแก้ไขแบบเพื่อเพิ่มจุดกลับเรือสำหรับกิจกรรมพายเรือชมเมือง, ขยายคลองอย่างน้อย 2 เมตร ณ ลานกิจกรรม, และปรับปรุงประตูระบายน้ำเพื่อการจัดการขยะและน้ำเสีย . ที่สำคัญคือมีการจัดทำประชาคมเพื่อสรุปรูปแบบและความสูงของรั้วกำแพงก่อนดำเนินการก่อสร้าง เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของชุมชน .
2. แผนการแบ่งน้ำและมาตรการป้องกันน้ำท่วม:
มีการวางแผนการแบ่งน้ำจากห้วยหมากแข้งเพื่อระบายออกจากเทศบาลนครอุดรธานีในช่องทางอื่นเพิ่มเติม โดยมีเป้าหมายเพิ่มอัตราการระบายน้ำสูงสุดถึง 9 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพื่อเร่งระบายน้ำจากผิวถนน. นอกจากนี้ ยังมีการเตรียม “แผนฉุกเฉิน” หากคลองหมากแข้งไม่สามารถระบายน้ำได้ตามศักยภาพที่คาดการณ์ไว้. มาตรการเร่งด่วนยังรวมถึงการขุดลอกสิ่งกีดขวางทางน้ำ การติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพิ่มเติม และการเตรียมความพร้อมรับมืออุทกภัยอย่างครอบคลุม เช่น การสำรวจพื้นที่เสี่ยง การกำจัดวัชพืชและขยะในคูคลอง .
3. การเชื่อมโยงกับระบบลุ่มน้ำห้วยหลวงและโครงการชลประทาน:
คลองหมากแข้งเป็นส่วนหนึ่งของระบบระบายน้ำที่ไหลลงสู่ลำห้วยหลวง ซึ่งเป็นลุ่มน้ำขนาดใหญ่และสำคัญ. กรมชลประทานได้ศึกษาและจัดทำแผนหลัก (Master Plan) สำหรับการพัฒนาแหล่งน้ำในลุ่มน้ำห้วยหลวงตอนบน-ตอนกลาง เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำและบรรเทาอุทกภัยในภาพรวม . แผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี (พ.ศ. 2561-2580) เป็นกรอบแนวทางในการดำเนินงาน เพื่อสร้างความมั่นคงของน้ำ ลดความเสียหายจากอุทกภัย และจัดการคุณภาพน้ำ . โครงการพัฒนาในลุ่มน้ำห้วยหลวงรวมถึงการก่อสร้างฝายทดน้ำ สถานีสูบน้ำขนาดใหญ่ และการปรับปรุงพนังกั้นน้ำ . เขื่อนห้วยหลวงเองก็มีบทบาทสำคัญในการกักเก็บและระบายน้ำเพื่อบรรเทาอุทกภัย .
อนาคตที่ยั่งยืน: ความร่วมมือคือหัวใจ
การพลิกโฉมคลองหมากแข้งสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์การบริหารจัดการน้ำในเมือง จากการมุ่งเน้นเพียงวิศวกรรมไปสู่แนวทางที่บูรณาการและอิงระบบนิเวศมากขึ้น โดยคำนึงถึงสุขภาพของประชาชน การพักผ่อนหย่อนใจ และคุณค่าทางสุนทรียภาพ . ความสำเร็จในระยะยาวของโครงการนี้ขึ้นอยู่กับการลงทุนอย่างต่อเนื่อง การประสานงานระหว่างหน่วยงานที่มีประสิทธิภาพ และการมีส่วนร่วมของชุมชนอย่างต่อเนื่อง .
แนวโน้มในอนาคตจึงต้องมุ่งเน้นไปที่การบูรณาการแผนงานระหว่างหน่วยงานท้องถิ่น เช่น เทศบาล และหน่วยงานระดับภูมิภาค/ประเทศ เช่น กรมโยธาธิการและผังเมือง และกรมชลประทาน . การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่ยืดหยุ่นและปรับตัวได้ รวมถึงการขยายคลอง จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการระบายน้ำ. การให้ความสำคัญกับการบำบัดน้ำเสียและการจัดการขยะควบคู่ไปกับการปรับปรุงการระบายน้ำ จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมในระยะยาว . นอกจากนี้ การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนในการวางแผนและดูแลรักษาคลอง จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้โครงการประสบความสำเร็จและมีความยั่งยืน