นิคมอุตสาหกรรมอุดรธานี : ประตูสู่การลงทุนสีเขียวแห่งอีสาน เชื่อม CLMVT และจีนตอนใต้ ความน่าสนใจที่มีผลต่อสภาพเศษฐกิจ สามารถสร้างงานไม่ต่ำกว่า 20,000 ตำแหน่ง รวมถึงสร้างรายได้ภาษีประจำปี ประมาณ 1.5-2 หมื่นล้านบาท ส่วนผลกระทบจากโครงการรถไฟรางคู่ รถไฟฟ้าความเร็วสูง เป็นปัจจัยเกื้อหนุนที่น่ากังวล
ปัจจุบัน นิคมอุตสาหกรรมอุดรธานี มีบริษัทที่เข้ามาดำเนินงานแล้วประมาณ 8 แห่ง โดยประกอบกิจการในหลากหลายภาคส่วน ได้แก่:
การแปรรูปอาหาร: เช่น การผลิตไตปลาและปลาร้าต้มสุก
การผลิตโลหะและพลาสติก: รวมถึงชิ้นส่วนโลหะและผลิตภัณฑ์พลาสติก หรือเคลือบด้วยพลาสติก
คลังสินค้า: รวมถึงคลังสินค้าแช่เย็น ศูนย์จัดเก็บและกระจายสินค้า และโรงพักสินค้า (Warehouse) มีการระบุว่ามี 3 คลังสินค้าที่ถูกจองเพื่อเก็บสินค้าประเภทแป้งมัน น้ำตาล และผงชูรส
การผลิตอะไหล่เครื่องจักรกล: มีบริษัทที่ประกอบกิจการผลิตอะไหล่เครื่องจักรกล
นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า:
มีบริษัทจากเดนมาร์กได้ติดต่อขอเช่าพื้นที่เพื่อสร้างโรงกลึงผลิตชิ้นส่วนส่งออก
มีโรงงานจากจีนอีก 2 แห่งที่แสดงความสนใจและอาจมีการเซ็นสัญญาเช่าพื้นที่
นิคมอุตสาหกรรมอุดรธานี (UTIE) กำลังก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางการลงทุนและโลจิสติกส์ที่สำคัญของภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ด้วยวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนในการเป็น “นิคมอุตสาหกรรมสีเขียว” แห่งแรกในภูมิภาคนี้ โครงการนี้ไม่เพียงแต่ดึงดูดเม็ดเงินลงทุนมหาศาล แต่ยังสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจและงานจำนวนมาก พร้อมเป็นสะพานเชื่อมการค้าสู่กลุ่มประเทศ CLMVT (กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม และไทย) และจีนตอนใต้
ทำเลทองและโครงข่ายคมนาคมไร้รอยต่อ
UTIE ตั้งอยู่ในทำเลที่ได้เปรียบทางยุทธศาสตร์อย่างยิ่ง โดยอยู่ห่างจากด่านชายแดนหนองคายที่เชื่อมต่อกับ สปป.ลาว เพียง 53 กิโลเมตร ทำให้เป็นจุดยุทธศาสตร์สำหรับการค้าข้ามพรมแดน นิคมฯ ได้รับการบูรณาการเข้ากับโครงข่ายคมนาคมขนส่งหลากหลายรูปแบบ ทั้งทางถนนที่เชื่อมต่อเส้นทางสำคัญอย่าง R12, R9, R8 สู่ประเทศเพื่อนบ้านและจีนตอนใต้
จุดเด่นสำคัญคือการเชื่อมโยงทางรถไฟ โดยนิคมฯ ตั้งอยู่บนเส้นทางรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-หนองคาย และรถไฟทางคู่ที่วางแผนจะขยายไปยังเวียงจันทน์ สปป.ลาว และคุนหมิง ประเทศจีน ที่สำคัญคือมีการก่อสร้างทางรถไฟเชื่อมต่อระยะทาง 1.8 กิโลเมตร จากสถานีหนองตะไก้เข้าสู่นิคมฯ โดยตรง เพื่อรองรับสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ICD) และเขตปลอดอากร (Free Zone) นอกจากนี้ ยังอยู่ใกล้ท่าอากาศยานนานาชาติอุดรธานีเพียง 14 กิโลเมตร ซึ่งมีสิ่งอำนวยความสะดวกด้านคาร์โก้ที่ทันสมัย และสามารถเชื่อมโยงไปยังท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งเป็นประตูสู่ EEC และเส้นทางการค้าทางทะเลระหว่างประเทศ การเชื่อมโยงเหล่านี้คาดว่าจะช่วยลดต้นทุนการขนส่งข้ามพรมแดนได้ถึง 40% และลดเวลาการขนส่งสินค้าสู่ตลาดยุโรปเหลือเพียงสองสัปดาห์
นิคมอุตสาหกรรมสีเขียวและอุตสาหกรรมเป้าหมาย
UTIE มุ่งมั่นที่จะเป็นนิคมอุตสาหกรรมสีเขียว โดยส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนและเทคโนโลยีสะอาด สอดคล้องกับโมเดลเศรษฐกิจ BCG ของประเทศ อุตสาหกรรมเป้าหมายมีความหลากหลายและถูกเลือกอย่างมีกลยุทธ์เพื่อใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของภูมิภาคและลำดับความสำคัญในการพัฒนาประเทศ ได้แก่:
อุตสาหกรรมแปรรูปสินค้าเกษตร: โดยเฉพาะยางพารา อ้อย มันสำปะหลัง และข้าว
อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า:
ชิ้นส่วนยานยนต์และการประกอบรถยนต์: รวมถึงยานยนต์ไฟฟ้า (EV)
ศูนย์โลจิสติกส์และกระจายสินค้า:
เศรษฐกิจชีวภาพและอุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร:
SMEs และ Start-ups: สนับสนุนผ่านโครงการโรงงานขนาดเล็ก (Micro Factories)
ศักยภาพการลงทุนและการสร้างงาน
คาดการณ์ว่า UTIE จะดึงดูดการลงทุนสูงถึง 1 แสนล้านบาทเมื่อเปิดดำเนินการเต็มรูปแบบ และจะสร้างงานไม่ต่ำกว่า 20,000 ตำแหน่ง รวมถึงสร้างรายได้ภาษีประจำปีให้กับภาครัฐประมาณ 1.5-2 หมื่นล้านบาท
สิทธิประโยชน์และการสนับสนุนจากภาครัฐ
ปัจจุบัน ธุรกิจใน UTIE ได้รับสิทธิประโยชน์มาตรฐานจาก BOI ตามประเภทกิจการ โดยกิจการเป้าหมายส่วนใหญ่ (หมวด A4) จะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 3 ปี และเพิ่มอีก 1 ปีสำหรับโครงการที่ตั้งในนิคมฯ รวมเป็น 4 ปี อย่างไรก็ตาม UTIE และ กนอ. กำลังผลักดันอย่างต่อเนื่องให้ได้รับการแต่งตั้งเป็นส่วนหนึ่งของระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (NeEC) หรือเขตเศรษฐกิจพิเศษ (SEZ) เพื่อให้ได้รับสิทธิประโยชน์เทียบเท่ากับเขตเศรษฐกิจพิเศษหนองคาย ซึ่งจะเพิ่มการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็น 8 ปี นอกจากนี้ ยังมีสิทธิประโยชน์อื่นๆ เช่น การหักค่าขนส่ง ค่าไฟฟ้า และค่าน้ำประปาเป็นสองเท่าเป็นเวลา 10 ปี และการยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักรและวัตถุดิบสำหรับการผลิตเพื่อส่งออก
การพัฒนาบุคลากรเพื่อรองรับอุตสาหกรรม
แม้ตลาดแรงงานในอุดรธานีจะมีสัดส่วนแรงงานทักษะต่ำสูง แต่ UTIE ได้ร่วมมือกับสถาบันการศึกษาในท้องถิ่น เช่น มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี และวิทยาลัยอาชีวศึกษาอุดรธานี เพื่อพัฒนาหลักสูตรและฝึกอบรมบุคลากรให้มีทักษะที่สอดคล้องกับอุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยเฉพาะในสาขา STEM และทักษะดิจิทัล
ข้อดีที่ทำให้นักธุรกิจมาลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมอุดรธานี:
ทำเลที่ตั้งเชิงยุทธศาสตร์: เป็นประตูสู่กลุ่มประเทศ CLMVT และจีนตอนใต้ ทำให้เข้าถึงตลาดขนาดใหญ่และห่วงโซ่อุปทานในภูมิภาคได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ศูนย์กลางโลจิสติกส์หลากหลายรูปแบบ: มีโครงข่ายถนน รถไฟ (ทั้งรถไฟความเร็วสูงและทางเชื่อมตรงเข้าสู่พื้นที่นิคมฯ) และท่าอากาศยานนานาชาติที่ทันสมัย รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ICD) และเขตปลอดอากร (Free Zone) ซึ่งช่วยลดต้นทุนและเวลาในการขนส่งสินค้าอย่างมาก
วิสัยทัศน์ “นิคมอุตสาหกรรมสีเขียว”: การมุ่งเน้นความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การใช้พลังงานสะอาด และการปฏิบัติตามหลักเศรษฐกิจ BCG ดึงดูดนักลงทุนที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและ ESG
สิทธิประโยชน์การลงทุนที่น่าสนใจ (และมีศักยภาพเพิ่มขึ้น): นอกจากสิทธิประโยชน์ BOI มาตรฐานแล้ว การผลักดันให้เป็นเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (NeEC) จะทำให้ได้รับสิทธิประโยชน์ด้านภาษีที่แข่งขันได้มากขึ้น เช่น การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสูงสุด 8 ปี
ศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ (OSS): การมีศูนย์ OSS ที่เปิดดำเนินการแล้ว ช่วยอำนวยความสะดวกด้านการค้าชายแดนและพิธีศุลกากร ทำให้การดำเนินธุรกิจราบรื่นยิ่งขึ้น
อุตสาหกรรมเป้าหมายที่หลากหลายและสอดคล้องกับศักยภาพท้องถิ่น: การมุ่งเน้นอุตสาหกรรมแปรรูปสินค้าเกษตรที่ใช้ประโยชน์จากวัตถุดิบในท้องถิ่น ควบคู่ไปกับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงและโลจิสติกส์ สร้างความมั่นคงและโอกาสการเติบโต
การสนับสนุน SMEs: มีแผนพัฒนาโรงงานขนาดเล็ก (Micro Factories) เพื่อลดอุปสรรคการลงทุนเริ่มต้นสำหรับผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม
การพัฒนาบุคลากร: ความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาในท้องถิ่นช่วยให้มั่นใจว่าจะมีแรงงานที่มีทักษะตรงตามความต้องการของอุตสาหกรรมในอนาคต
ด้วยปัจจัยเหล่านี้ นิคมอุตสาหกรรมอุดรธานีจึงเป็นโอกาสทองสำหรับนักลงทุนที่มองหาฐานการผลิตและการกระจายสินค้าที่ยั่งยืน มีประสิทธิภาพ และเชื่อมโยงกับตลาดภูมิภาคได้อย่างแข็งแกร่ง.